เครื่องรางของขลัง สิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ ที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน ไม่เคยเลือนหายจางไป

เครื่องรางของขลัง วันนี้จะพามาทำความรู้จัก เครื่องรางของขลัง ของที่มีอำนาจศักดิ์สิทธิ์

เครื่องรางของขลัง ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2542 ให้ความหมายของคำว่า “เครื่องรางของขลัง” ไว้ดังนี้ “เครื่องราง” หมายถึง ของที่นับถือว่าป้องกันอันตราย ยิงไม่ออก ฟันไม่เข้า เช่น ตะกรุด ผ้ายันต์ เหล็กไหล

“ของขลัง” หมายถึง ของที่มีอำนาจศักดิ์สิทธิ์ ที่เชื่อกันว่าอาจบันดาลให้สำเร็จ ได้ดังประสงค์เครื่องรางของขลัง เป็นสิ่งที่มีมาตั้งแต่โบราณกาลแล้ว และไม่ได้มีแต่เฉพาะประเทศไทยเท่านั้น ชนชาติอื่นๆก็มีเครื่องรางใช้กันมานาน แล้วเช่นกัน

ถือเป็นความเชื่อทางไสยศาสตร์อย่างหนึ่ง โดยเชื่อว่าของสิ่งนี้จะสามารถปกป้อง คุ้มครองภัยอันตรายต่างๆให้ได้ รวมทั้งในเรื่องของโชคลาภ ความโชคดีทั้งหลายทั้งปวง อีกนัยหนึ่งน่าจะถือเป็น “สัญลักษณ์” หรือ “เครื่องชี้นำ”

โดยจะสังเกตว่าในยุคโบราณ เราจะพบเห็นลูกปัดและหินสีฝังรวม อยู่ในหลุมศพซึ่งเชื่อกันว่า จะเป็นเครื่องชี้นำให้ผู้ตายได้ข้ามภพข้ามชาติ ไปสู่สุคติตามความเชื่อ โดยเฉพาะประเทศอียิปต์ นับเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรม หลังความตายทีเดียว ดูบอล

เครื่องรางของขลัง

จะพามาดู เครื่องรางของขลัง สำหรับประเทศไทย นั้นมีสารพัดชนิดมีอะไรบ้างมาดูกัน

สำหรับประเทศไทยเราเรียกได้ว่า เครื่องรางของขลังมีความผูกพันกับ คติความเชื่อของสังคมไทยมายาวนานมาก โดยเฉพาะสังคมไทยที่มีพุทธศาสนา เป็นแกนกลาง บรรดาเครื่องรางของขลังต่างๆ นับเป็นส่วนเสริมให้พุทธาคม กฤตยาคม และไสยาคม

สามารถเข้ากันได้และเดินไปด้วยกัน อย่างเป็นระบบและเป็นระเบียบ อย่างเวลารบทัพจับศึก “พุทธาคม” อาจจะช่วยให้แคล้วคลาดปลอดภัย เป็นการเสริมสร้างกำลังใจ และความมั่นใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็ล้วนเป็นคติความเชื่อซึ่งฝังรากลึก ในสังคมไทยมาแต่โบร่ำโบราณ

นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่า“เครื่องราง” จะเป็นเครื่องมือที่ทำให้เกิดนิมิต ลางดี ลางร้ายต่างๆ เปรียบเหมือนการเตือนสติให้ระมัดระวัง ไม่ประมาท จะออกทางไหนซ้ายหรือขวา เครื่องรางก็จะช่วยชี้นำการตัดสินใจ น่าจะคล้ายๆกับการเสี่ยงทาย

เครื่องรางของขลังโบราณ ของไทยเรานั้นมีสารพัดชนิด ทั้งประคำ ผ้าประเจียด เบี้ยแก้ ยันต์นานาประเภท ปลัดขิก ตะกรุด ลูกอม กะลาตาเดียว เขี้ยวหมูตัน หนังหน้าผากเสือ รักยม กุมารทอง แหวนพิรอด

รูปเคารพต่างๆ เช่น รักยม กุมารทอง นางกวัก แม่โพสพ หรือเสือ สิงห์ วัวธนู ลิง หนุมาน และอีกมากมายนับไม่ถ้วน สมัยก่อนเวลาชายไทยถูกเกณฑ์ ไปรบทัพจับศึก “เครื่องรางของขลัง” ถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก ที่จะต้องพกพาไปด้วย

อาจารย์ดีมีวิชาก็จะปลุกเสกผ้าประเจียดมั่ง ตะกรุดมั่ง ลงนะอักขระเลขยันต์เอาไว้ ฯลฯ ส่วนกรรมวิธี “จัดสร้าง” ตลอดจนวิธี “อาราธนา” หรือ “ใช้” เครื่องรางของขลังของโบราณ ก็ต้องดูฤกษ์ดูยาม วัสดุอาถรรพ์ กำลังวัน และอื่นๆอีกมากมาย

เครื่องรางที่นับเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ก็คือ “ตะกรุด” เป็นหนึ่งในเครื่องรางของขลัง ที่ผูกพันกับความเชื่อในสังคมไทย มาช้านาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรบทัพจับศึก เข้าสู่สนามรณรงค์สงคราม ตะกรุดจะติดตัวติดตาม แบบไปไหนไปด้วยช่วยกันรบ

“ตะกรุด” โดยทั่วไปมักจะหมายถึงการนำโลหะ แผ่นบางๆอาจจะเป็นทองคำ เงิน นาก ตะกั่ว หรือโลหธาตุผสมอื่นๆ มาลงอักขระเลขยันต์ โดยโบราณาจารย์ ซึ่งจะใช้เหล็กจารเขียน พระคาถาผูกขึ้นเป็นมงคล

ก่อนที่จะม้วนให้เป็นแท่งกลม โดยมีช่องว่างตรงแกนกลาง สำหรับร้อยเชือกติดตัว หรืออาจจะถักด้วยเชือก หญ้า หรือด้ายมงคล แล้วนำไปจุ่มหรือชุบรัก ก่อนร้อยเชือก ตามกรรมวิธีของแต่ละคณาจารย์ พระตรีมูรติ

องค์พญาครุฑและท้าวเวสสุวรรณ เครื่องรางของขลัง ถุงเงินถุงทอง ที่เชื่อว่าพกติดตัวหรือบูชาไว้ จะเรียกทรัพย์ “รับโชค”

องค์พญาครุฑ  ด้วยความเชื่อว่าพญาครุฑ เป็นผู้ที่มีอำนาจและพลังเหนือทุกอย่าง หากบูชาจะช่วยหนุนความเจริญก้าวหน้า ด้านหน้าที่การงาน มีการเลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง ได้สมปรารถนา

ช่วยเรื่องการเงินและเอาชน ะอุปสรรค์ต่างๆทำให้เกิดความนิยม บูชาพญาครุฑกันมาก ซึ่งก็มีการดัดแปลงออกแบบ ให้พกพาง่าย ไม่ว่าจะเป็นล็อกเก็ต สร้อย รูปภาพบูชา หรืออื่นๆ

ท้าวเวสสุวรรณ เป็นหนึ่งในเครื่องรางของขลัง ที่ชาวสายมูนิยมพกพาและบูชา เนื่องจากมีความเชื่อว่าการบูชา ท้าวเวสสุวรรณจะช่วยเสริมดวง เรื่องอำนาจบารมี ลาภยศ ชื่อเสียง และเกียรติยศ รวมถึงในเวลาที่การงาน มีอุปสรรคมีปัญหา อีกทั้งยังบันดาลโชคลาภ และความเจริญก้าวหน้าให้ได้ด้วย

ถุงเงินถุงทอง และกระพรวนเสริมดวง อันนี้เป็นเครื่องรางชื่อดังที่นิยม ใช้ในประเทศญี่ปุ่นหรือไต้หวัน โดยจะเป็นเครื่องรางที่เป็นรูป ถุงสีทองหรือถุงสีแดง ที่เชื่อว่าหากพกไว้ จะทำให้มีเงินเหลือเก็บ

ใช้จ่ายคล่อง ค้าขายร่ำรวย นอกจากนี้เครื่องรางที่หลายคน นิยมพกกันคือแผ่นอักษรจีน หรือยันต์เสริมมงคล ที่ช่วยแก้ดวงตก ปีชง ให้แคล้วคลาดปลอดภัยสุขภาพดีด้วย

หินมงคลและพระพิฆเนศ

หินมงคล   ไม่ว่าจะเป็น ไหมทอง (Golden RutilatedQuartz) บลู เลซ อาเกต (Blue lacagate) ลาบราโดไรท์ (Labradorite) ลาพิส ลาซูลี (Lapis Lazuli) มูนสโตน (Moonstone) และไทเกอร์ อาย (Tiger’s Eye) ตอนนี้ต่างก็ฮอตฮิตใส่กัน

เป็นเครื่องประดับและเครื่องราง ทั้งชายและหญิงด้วยเพราะมีความเชื่อว่า หินเหล่านั้นช่วยเสริมความมั่งคั่ง ร่ำรวย ค้าขายดี นำเงินทอง บารมี ความรักและสุขภาพที่ดีมาให้ นอกจากนี้หินต่างๆ ยังสวยงามจนสามารถนำมาทำ เป็นเครื่องประดับต่างๆ เช่น กำไล สร้อย ต่างหู ได้อีกด้วย

พระพิฆเนศ เทพเจ้าแห่งความสำเร็จ ซึ่งมีผู้คนนับถือบูชากันมากมายทั่วโลก เพราะขอพรหรือบูชาแล้วจะได้สมใจหวัง เนื่องจากพระพิฆเนศ เป็นมหาเทพที่เกี่ยวข้องกับ วิถีชีวิตของคนไทย ในการประกอบพิธีกรรมต่างๆ

เป็นสัญลักษณ์ประจำกรมศิลปากร มหาวิทยาลัย วิทยาลัยช่างศิลป รวมถึงเป็นองค์เทพสำคัญ ในการทำพิธีไหว้ครูนาฏศิลป์ โขน ละคร พิธีไหว้ครูของควาญช้าง และอื่นๆ เพื่อเป็นสิริมงคล ให้กิจการงาน การขอโชคลาภ ขอพร ขอปัญญาความรู้ ขอตำแหน่งหน้าที่การงาน ขอด้านการเงินและความรัก ปัดเป่าอุปสรรคทุกข์ภัย รวมถึงการเล่าเรียนได้สำเร็จ

เครื่องรางของขลังปี่เซียะและพญานาค

ปี่เซียะ วัตถุมงคลยอดนิยมที่เชื่อว่า เป็นมังกรตัวที่ 9 หรือเรียกกันว่า “เทพเเห่งโชคลาภ” ที่มีการนำมาบูชาโดยเชื่อว่า จะช่วยในการป้องกันสิ่งชั่วร้าย เรียกทรัพย์สินเงินทอง ให้ไหลมาเทมา

ซึ่งการบูชาปี่เซี่ยะยุคนี้ ก็มีทั้งนำมาทำเป็นสร้อยข้อมือ เป็นรูปั้นขนาดเล็กบูชาโต๊ะทำงาน ใส่กระเป๋า แถมยังมีแม้กระทั่งโหลดรูปปี่เซียะ มาไว้หน้าจอโทรศัพท์มือถือ

พญานาค  นิยมบูชากันมากโดยเฉพาะสายมู สายเสี่ยงโชค เนื่องจากพญานาคหรือนาค เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง เป็นสัตว์ในตำนานที่มีหลายตระกูล ที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์

นำพาโชคดีและความร่ำรวย คนส่วนใหญ่จึงมักมีความเชื่อ ในเรื่องของโชคลาภ เงินทอง และความสำเร็จ รวมถึงบูชาเพื่อขอพรในการเสี่ยงโชค ให้ถูกหวยรวยหุ้นกันมาก