ไอ้ไข่ วัดเจดีย์ วันนี้จะพามาทำความรู้จักกับ กุมารเทพสุดเลื่องชื่อ
ไอ้ไข่ วัดเจดีย์ คงไม่มีใครไม่เคยได้ยินชื่อของ ไอ้ไข่ วัดเจดีย์ ชื่อดังในจังหวัด นครศรีธรรมราช กันอย่างแน่นอน เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยววัด ที่เป็นตำนานและมีเรื่องราวศักดิ์สิทธิ์ ที่เล่าต่อๆกันมาอย่างยาวนานนับหลายปี จนทำให้ที่นี่กลายเป็นที่รู้จัก และมีชื่อเสียงขึ้นมา
หากใครไม่รู้จัก “ไอ้ไข่ วัดเจดีย์” กุมารเทพสุดเลื่องชื่อ ต้องเชยแน่นอน ยิ่งใกล้ช่วงเวลาเสี่ยงโชค หรือวันออกรางวัลลอตเตอรี่ ไม่ว่ารูปปั้นของ “ไอ้ไข่” จะประดิษฐานอยู่ที่ใด ล้วนแล้วแต่มีผู้คนแห่แหนไปกราบไหว้ขอพรกันเนืองแน่น ใครที่ยังไม่เคยได้ทราบถึงตำนานนั้น วันนี้เราจะพาทุกคนไปเปิดตำนานกัน มังงะ
มาดูถึงตำนานของ ไอ้ไข่ วัดเจดีย์ ว่ามีความเป็นมาอย่างไร มาดูกัน
ย้อนกลับไปยัง สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย หลวงพ่อทวดพระเถระ ผู้เปี่ยมด้วยญาณบารมี ได้เดินทางไปยังกรุงศรีอยุธยา ในการนั้นท่านได้นำพา เด็กชายผู้หนึ่ง อายุราว 9 ถึง 10 ขวบมาด้วย หมายใจให้คอยปรนนิบัติรับใช้
เมื่อเดินทางมาถึงยังฐานถิ่นวัดเจดีย์ ก็หยุดรั้งรอหมายพบเจอสหธรรมิก ครั้งศึกษาพระธรรม ยังเมืองนครศรีธรรมราช นามว่า ขรัวทอง ผู้เป็นสมภารวัด หมายสนทนาพาที ด้วยจิตอันเป็นไมตรีต่อกัน ดังมีหลักฐานนามถิ่นโพธิ์เสด็จ
ไว้เป็นประจักษ์พยานว่ากาลหนึ่ง พระโพธิญาณ (หลวงพ่อทวด) ได้เดินทางมายังธรรมสถานแห่งนี้ ด้วยญาณแห่งพระผู้มีบารมี จึงรับรู้ได้ว่าในภายภาคหน้า สถานที่แห่งนี้ จะเป็นหลักสำคัญแห่งพระพุทธศาสนา
จึงบอกเด็กชายผู้คอยติดตามว่า “เจ้าจงอยู่ที่นี่เถิด จะก่อเกิดผลดีศรีสดใสในภายภาคหน้านั้นต่อไป จะเป็นหลักชัยในทางธรรม” เด็กชายรับปากพระอาจารย์ แล้วตั้งสัตย์ปฏิญาณ ตามพระอาจารย์สั่ง หลวงพ่อทวด จึงฝากเด็กชายไว้กับ ขรัวทอง
เด็กชายกลายเป็นเด็กวัดเจดีย์ คอยอยู่รับใช้สมภาร และดูแลวัดเจดีย์ ดังในตำนานเมืองนครศรีธรรมราช ได้กล่าวถึง เหตุการณ์ครั้นเจ้าพระยาคืนเมือง มีท้องตรามายังเมือง “อลอง” (ตำบลฉลอง ในปัจจุบัน) มีบันทึกว่า “มาถึงเมืองอลอง แวะพักหนึ่งคืน นมัสการสมภารทอง มีศิษย์เกะกะชื่อไอ้ไข่เด็กวัด”
แต่ถึงจะเป็นเด็กเกะกะซุกซน แต่เด็กชายก็เปี่ยมด้วยอานุภาพพิเศษ แปลกแตกต่างจากเด็กทั่วไป ชอบช่วยเหลือผู้คน หากใครมีปัญหาที่หมดปัญญาจะแก้ไข จะต้องมาออกปาก (ไหว้วาน) ทุกคราไป จึงไม่มีใครเกลียดชังถึงจะซุกซนเกเร
ด้วยเป็นเด็กที่จริงจังทั้งวาจาและจิตใจ รับปากใครแล้วเป็นต้องทำให้ได้ ถึงจะเป็นอันตรายก็ตาม ว่ากันว่าควายตัวไหนพยศ หากเด็กวัดจับหางติดจะไม่ปล่อยเป็นเด็ดขาด ถึงควายจะวิ่งอย่างไร จนควายตัวนั้นต้องละพยศหมดฤทธิ์
เมื่อเวลาล่วงผ่านไป ด้วยจิตอันแสดงถึงอานุภาพพิเศษ ก็รับรู้ได้ว่าพระอาจารย์ (หลวงพ่อทวด) กำลังจะเดินทางกลับจากกรุงศรีอยุธยา ด้วยกลัวว่าหากพระอาจารย์กลับมาถึง จะนำพาตนกลับสู่ถิ่นฐานที่จากมา ด้วยคำสั่งของพระอาจารย์
ที่สั่งให้เฝ้าและดูแลรักษาวัดเจดีย์ และด้วยสัจจะวาจาที่ให้ไว้ เด็กชายจึงเดินลงสระน้ำภายในวัด เป็นการปลดชีวิตตัวเอง ตามภาษาทางศาสตร์ เรียก การเสด็จ หมายสละร่างเหลือไว้แต่ดวงวิญญาณ ไว้คอยปกปักษ์รักษาวัดเจดีย์ สืบมาจนกระทั่งถึงปัจจุบัน
ไอ้ไข่ วัดเจดีย์ในพ.ศ 2526 พ่อท่านเทิ่ม สร้างเหรียญบูชาไอ้ไข่ เป็นรุ่นแรก
เมื่อปี พ.ศ. 2526 พ่อท่านเทิ่ม เจ้าอาวาสวัดเจดีย์ในขณะนั้น ได้จัดสร้างเหรียญบูชาไอ้ไข่ เป็นรุ่นแรก พร้อมกับพัฒนาวัดเรื่อยมา ในเวลานั้นพื้นที่แถบนี้ยังมีความเคลื่อนไหว ของผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์
ได้มีกองร้อยทหารพราน มาตั้งฐานปฏิบัติการชั่วคราวอยู่ที่วัดเจดีย์ คืนแรกที่มาพักทหารทั้งกองแทบไม่ได้หลับได้นอน เพราะมีเด็กเที่ยวมาหยอกเล่น ดึงแขนดึงขา โดนปืนตีศีรษะบ้าง ล้มราวปืนบ้าง เป็นที่วุ่นวาย
รุ่งขึ้นจึงได้เอาเรื่องนี้มาเล่า ให้ชาวบ้านฟังซึ่งชาวบ้านก็ได้บอกเล่า ให้ทหารกลุ่มนั้นได้รับรู้ถึงเรื่องราวของไอ้ไข่ และบอกให้ทหารกลุ่มนี้บอกกล่าวแก่ดวงวิญญาณไอ้ไข่ และเมื่อทำอาหารรับประทาน
ให้แบ่งอาหารตั้งเป็นเครื่องเซ่นให้กับ ไอ้ไข่ ด้วยเมื่อทำดังนั้นคืนต่อมาทุกอย่างก็สงบ ไม่มีเหตุการณ์รบกวนใดๆ เมื่อทหารพรานเอาเรื่องนี้มาเล่า ให้คนภายนอกรู้ ชื่อเสียงของไอ้ไข่ ก็รู้จักกันมากขึ้น คาถาชินบัญชร
ด้วยบารมี ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์
จากวัดร้างห่างผู้คน สู่วัดที่มีความเจริญรุ่งเรือง จากศรัทธาท้องถิ่น สู่ศรัทธามหาชน จากเทพประจำถิ่น สู่เทพระดับนานาชาติ ก็ด้วยบารมีของไอ้ไข่ เด็กวัดเจดีย์ จากเด็กไล่วัว ตามหาควายหายของคนในท้องถิ่น
มาเป็นเทพผู้ให้ความช่วยเหลือ มนุษย์ผู้ตกอยู่ในห้วงแห่งความทุกข์ จากทั่วสารทิศทั้งในประเทศ รวมถึงจากต่างชาติ ต่างแดนยังมาขอพึ่งบารมี ของเด็กวัดผู้นี้ ตั้งแต่ก่อนมาจนถึงทุกวันนี้ ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์
ได้ผ่านกาลสมัยมาเป็นหลายร้อยปี กลายเป็นประวัติศาสตร์ ของท้องถิ่นอันดีงาม ของชาวชุมชนตำบลฉลอง และพื้นที่ใกล้เคียง ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ ได้ฝังอยู่ในรากเหง้า เปรียบเสมือนบรรพบุรุษของชาวชุมชน
” ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ ไม่เลือกชนชั้น ไม่เลือกวรรณะ ไม่ว่าคุณคือใคร ขอแค่คุณบอกกล่าวมา ขอแค่คุณมีจิตอันเป็นศรัทธา ขอแค่คุณเป็นผู้ปฏิบัติดี บารมี ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์พร้อมที่จะคุ้มครอง พร้อมที่จะช่วยเหลือทุกผู้ทุกคน ดังนิยามที่เรียกขานกันว่า ขอได้ ไหว้รับ”
ดังจะเห็นประจักษ์พยานได้จาก การพัฒนาวัดทั้งการสร้างอุโบสถ วิหาร เสนาสนะ พัฒนาสาธารณูปโภค การขยายที่ดิน เพื่ออำนวยความสะดวก เพื่อต้อนรับผู้มีจิตศรัทธา ที่เดินทางมากราบไหว้ ขอพร จากทั่วทุกมุมของประเทศ
อีกยังสร้างรายได้ ให้ชาวชุมชน อำเภอ ตลอดถึงจังหวัดนครศรีธรรมราช กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางด้าน ความเชื่อความศรัทธาที่สำคัญ อีกแห่งของจังหวัดนครศรีธรรมราช รวมถึงสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงพลังศรัทธา สาธุชน อย่างเช่น กองประทัดกองใหญ่ ไก่เต็มลานวัด (ไก่ปั้น)
เสียงประทัดสนั่นทั้งวัน ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้ ล้วนก่อเกิดมาจากพลังศรัทธา ของผู้คนที่มีต่อเด็กชายผู้คอยดูแล ปกปักษ์รักษาวัดเจดีย์ จากอดีตกาล จนถึงปัจจุบัน เด็กน้อยผู้มีแต่ความเมตตา เด็กน้อยผู้รักษาสัจจะวาจา นามว่า ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ แทบทั้งสิ้น
ไอ้ไข่ วัดเจดีย์กับตำนานจาก ขุนพันธรักษ์ราชเดช
ชาวชุมชนวัดเจดีย์ และใกล้เคียงนับถือเคารพ “ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์” ตั้งแต่สมัยบรรพชน สืบทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น นับย้อนหลังไปเป็นเวลาหลายร้อยปี โดยถือว่า “ไอ้ไข่” คือวิญญาณของเด็กศักดิ์สิทธิ์ ที่คอยช่วยเหลือชาวชุมชน
และดูแลปกปักษ์รักษาวัดเจดีย์ แต่ไม่ได้มีการสืบค้น หรือมีมีการกล่าวถึงตำนาน เพียงแค่นับถือกันอย่างนั้นมา จนถึงวันหนึ่งได้เกิดตำนาน ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ศิษย์ หลวงพ่อทวด จากบุคคลสำคัญ นั่นก็คือ จอมขมังเวทย์แห่งเมือง นครศรีธรรมราช
ท่าน ขุนพันธรักษ์ราชเดช (บุตร พันธรักษ์) ที่ได้รับฟังถ้อยคำจากหลวงพ่อทวด ผ่านร่างทรง เมื่อครั้งสมัยจัดสร้างเหรียญหลวงพ่อทวด เมื่อ พ.ศ. 2497 (เนื่องจาก ท่านขุนพันธ์เป็นผู้มีส่วนร่วม ในการจัดสร้างพระชุดนั้นด้วย)
หลวงพ่อทวดถามผ่านร่างทรงว่า ท่านมาจากนครศรีธรรมราช ท่านรู้จักลูกศิษย์เราหรือไม่ เป็นเด็กวัดอยู่ทางทิศเหนือ ของนครศรีธรรมราช ท่านขุนพันธ์จึงสืบหาจนมาประสบพบเจอกับ ผู้ใหญ่เที่ยง เมืองอินทร์
จนได้นับถือเป็นสหาย แลกเปลี่ยนสายวิชากัน ด้วยผู้ใหญ่เที่ยงเอง ก็มีส่วนเกี่ยวข้องและรู้จัก ” ไอ้ไข่” เป็นอย่างดี ท่านขุนพันธ์ จึงได้เจอกับลูกศิษย์หลวงพ่อทวด ที่วัดเจดีย์นามว่า “ไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์” ตามคำบอกกล่างของหลวงพ่อทวดผ่านร่างทรง
ซึ่งเป็นไอ้ไข่เด็กวัดเจดีย์ ที่บรรพบุรุษชาวชุมชนวัดเจดีย์ นับถือสืบกันมาและท่านขุนพันธ์เอง ก็ได้สืบค้นศึกษาจนกลายเป็นตำนาน ไอ้ไข่ศิษย์หลวงพ่อทวด และได้ยืดถือตำนานนี้บอกเล่าสืบต่อกันมา ซึ่งถือว่า ท่านขุนพันธรักษ์ราชเดช คือ ผู้สืบค้นตำนานนี้เป็นคนแรก