หลวงปู่โต๊ะ วันนี้จะพามาทำความรู้จักกับ พระราชสังวราภิมณฑ์ เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดประดู่ฉิมพลี เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร
หลวงปู่โต๊ะ พระราชสังวราภิมณฑ์ (โต๊ะ อินฺทสุวณฺโณ) เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดประดู่ฉิมพลี เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานคร หรือจังหวัดธนบุรีในอดีต เป็นพระคณาจารย์ที่รู้จักกันดี ด้วยวัตรอันปฏิบัติอันงดงาม เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวพุทธทุกชนชั้น
ท่านถึงพร้อมด้วยบุญบารมีและอิทธิบารมี อดีตเจ้าอาวาสวัดประดู่ฉิมพลีเขตบางกอกใหญ่ พระเครื่องของท่านมีปาฏิหาริย์ศักดิ์สิทธิ์ มีประสบการณ์เล่าขานมากมาย จากเหนือจดใต้ทั่วประเทศไทย จนกลายเป็นพระหลักยอดนิยม ของเมืองไทย
ท่านได้ดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดประดู่ฉิมพลีเมื่อวันที่ 10กรกฎาคม พ.ศ.2456 – 5มีนาคม พ.ศ.2524 จนกระทั่งมรณภาพ รวมระยะเวลานานถึง68ปี ขณะนี้ พระครูวินัยธรเพลิน ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสมาตั้งแต่วันที่ 19พฤศจิกายน2555 จนถึงปัจจุบัน อนิเมะ
มาดูถึงประวัติของ หลวงปู่โต๊ะ อดีตเจ้าอาวาสวัดประดู่ฉิมพลีเขตบางกอกใหญ่ ว่ามีความเป็นมาอย่างไรบ้าง? พร้อมแล้วไปดูกันเลย
พระราชสังวราภิมณฑ์ หรือหลวงปู่โต๊ะ เกิดเมื่อวันที่ 27มีนาคม พ.ศ.2430 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ท่านเป็นชาวสมุทรสงครามโดยกำเนิด เป็นบุตรของนายพลอย และนางทับ รัตนคอน มีพี่น้องอยู่ร่วมกัน 2 คน
ซึ่งถึงแก่กรรมก่อนหลวงปู่ตั้งนานแล้ว ในวัยเด็กเด็กชายโต๊ะ ได้เข้าเรียนวิชาอยู่ที่วัดเกาะแก้ว (จังหวัดสมุทรสงคราม) ใกล้บ้านเกิดของท่าน เมื่อมารดาถึงแก่กรรม พระภิกษุแก้ว เห็นความขยันหมั่นเพียรของเด็กชายโต๊ะ จึงได้พาเด็กชายโต๊ะ มาฝากอยู่กับพระอธิการสุข
เจ้าอาวาสวัดประดู่ฉิมพลี ในสมัยนั้นส่วนนายเฉื่อย ก็ไม่ได้ตามมาด้วยคงอยู่ที่วัดเกาะแก้ว เหมือนเดิมท่านได้มาเรียนหนังสือ อยู่ที่วัดประดู่ฉิมพลีอยู่เป็นเวลาอยู่ 4ปี ก็ได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่ออายุได้ 17ปี เมื่อปีพ.ศ.2447 โดยมีพระอธิการสุขเป็นอุปัชฌาย์
บรรพชาได้วันเดียวพระอธิการสุข ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์และผู้อุปการะ ของท่านก็ได้มรณภาพ นายคล้าย นางพันธ์ ซึ่งเป็นพี่ชายกับพี่สะใภ้ของพระอธิการสุข และมีบ้านอยู่ใกล้วัดประดู่ฉิมพลี จึงได้อุปการะท่านต่อมา เมื่อบรรพชาแล้ว
ท่านก็มาเรียนศึกษาพระธรรมวินัยอยู่ที่ วัดประดู่ฉิมพลีซึ่งต่อมา มีพระอธิการคำเป็นเจ้าอาวาสสืบต่อมา พร้อมทั้งเรียนกรรมฐาน กับพระอาจารย์พรหม วัดประดู่ฉิมพลีอีกท่านหนึ่งด้วย จนกระทั่งเมื่อมีอายุได้20ปี
สามเณรโต๊ะ ได้เข้าพิธีอุปสมบทเมื่อวันที่ 16กรกฎาคม พ.ศ.2450 ณ พัทธสีมา วัดประดู่ฉิมพลีโดยมี พระครูสมณธรรมสมาทาน (แสง) วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูอักขรานุสิต (ผ่อง) วัดนวลนรดิศ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
พระครูธรรมวิรัต (เชย) วัดกำแพง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาทางธรรมว่า อินทสุวัณโณ หลงจากนั้น ท่านได้เรียนศึกษาปฏิบัติคันทธุระ วิปัสสนาธุระ หลวงปู่โต๊ะท่านเป็นคน มีความเพียรพยายาม อดีตเจ้าอาวาสวัดประดู่ฉิมพลีเขตบางกอกใหญ่
จนกระทั่งสอบได้นักธรรมชั้นตรี ต่อมาพระอธิการคำ ได้มรณภาพลง ทางคณะสงฆ์จึงได้แต่งตั้งท่าน ให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส วัดประดู่ฉิมพลีสืบต่อมาเมื่อวันที่ 10กรกฎาคม พ.ศ.2456 ต้นไม้มงคลแห่งความโชคดี
การได้ออกธุดงค์ของหลวงปู่โต๊ะ ไปทั่วทุกภาคในประเทศไทย
ต่อมาหลวงปู่โต๊ะ อดีตเจ้าอาวาสวัดประดู่ฉิมพลีเขตบางกอกใหญ่ ได้ออกธุดงค์จาริกไปทั่วทุกภาค ในประเทศไทย ทั้งภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ ท่านได้ไปศึกษาพระปริยัติธรรม โดยได้ไปฝากตัวเป็นศิษย์กับหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ เรียนวิชาพุทธาคม
และได้ไปฝากตัวเป็นลูกศิษย์กับ หลวงพ่อโหน่ง วัดคลองมะดัน และก็ได้ธุดงค์ไปยังภาคเหนือ เพื่อศึกษาวิชากับพระอาจารย์อีกหลายท่าน และในขณะที่ท่านเดินธุดงค์ ท่านก็ได้เรียนวิปัสสนากรรมฐานกับ หลวงพ่อชุ่ม วัดราชสิทธาราม
ส่วนสหธรรมิกของท่าน ที่มีชื่อเสียงได้แก่ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค หลวงพ่อสด วัดปากน้ำ หลวงพ่อแฉ่ง วัดบางพัง หลวงพ่อกล้าย วัดหงส์รัตนาราม และต่อจากนั้น พระราชสังวราภิมณฑ์ ท่านก็เดินทางไปยังภาคใต้ ไปที่จังหวัดปัตตานี และเมื่อหลวงปู่ท่านกลับมาที่ จังหวัดธนบุรี กลับมายังวัดประดู่ฉิมพลี ท่านก็ได้สร้างพระพุทธบาทจำลอง
ปฏิปทาและจริยาวัตร
หลวงปู่โต๊ะท่านเป็นคน ที่มีศีลวัตรปฏิบัติอันงดงาม มีกริยามารยาทที่งดงาม มีความสุภาพอ่อนโยน มีความเมตตากรุณา ต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิด และสามารถล่วงรู้เหตุการณ์ในอนาคตได้ พระราชสังวราภิมณฑ์ และท่านได้เคยเจอเกี่ยวกับโรคระบาด หลวงปู่ท่านเห็นคนหลายคนไม่สบาย ท่านก็รู้สึกไม่สบายใจ
เพราะท่านเองก็เป็นโรคนี้ด้วยเหมือนกัน อดีตเจ้าอาวาสวัดประดู่ฉิมพลีเขตบางกอกใหญ่ ท่านจึงตั้งจิตว่า หากท่านยังมีชีวิตอยู่ ขอให้ท่านจงหายจากโรคนี้ แต่ถ้า ท่านหมดบุญแล้ว ก็ขอให้ตายซะ ในตอนกลางคืน ท่านได้นิมิตว่า หลวงพ่อบ้านแหลมได้นำน้ำพระพุทธมนต์ มาเจริญให้ตื่นมาท่านก็มาเจริญ น้ำพระพุทธมนต์ และสุดท้ายท่านก็หายจากโรคนี้
หลวงปู่โต๊ะกับเบื้องปลายชีวิต
หลวงปู่โต๊ะ อดีตเจ้าอาวาสวัดประดู่ฉิมพลีเขตบางกอกใหญ่ วัดประดู่ฉิมพลีท่านได้เริ่ม อาพาธด้วยโรคชรา เนื่องจากว่าตั้งแต่ตอนที่ท่าน ยังมีชีวิตอยู่มีผู้คนมานิมนต์ท่าน ให้ออกมาให้พรหรือขอความช่วยเหลือ ท่านจึงไม่ค่อยมีเวลาพักผ่อน สุขภาพท่านจึงไม่ค่อยแข็งแรง
แต่ยังพอฉันอะไรได้ แม้จะรักษาอย่างดีเท่าใด แต่สุขภาพกายสังขารของท่าน ก็ไม่อาจจะทนไหว ท่านได้อาพาธครั้งสุดท้าย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2524 และก่อนมรณภาพได้เพียง7วัน ท่านลุกจากเตียงไม่ได้เลย จนกระทั่งเมื่อวันที่ 5มีนาคม พ.ศ.2524
คณะลูกศิษย์ทีเป็นพยาบาล ได้มาถวายรังนกอีก แต่คราวนี้สังเกตได้ว่า แขนของท่าน บวม ท่านอยู่ได้จนกระทั่งเมื่อเวลา9:55น. ท่านได้ถึงแก่มรณภาพลงด้วยอาการสงบ รวมสิริอายุได้93ปี 73พรรษา พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรทรงพระกรุณาโปรด
ให้เชิญศพไปตั้งที่ศาลา100ปี วัดเบญจมบพิตร พระราชทานเกียรติยศศพเป็นพิเศษ เสมอพระราชาคณะชั้นธรรม พระราชทานโกศโถบรรจุศพ พร้อมฉัตรเบญจาเครื่องประกอบเกียรติยศครบทุกประการ พระราชทานพระบรมราชานุเคราะห์แก่การศพโดยตลอด
เสด็จฯไปทรงเป็นประธาน ในการทรงบำเพ็ญพระราชกุศล 7วัน 50วัน 100วัน พระราชสังวราภิมณฑ์ และตามโอกาสอันควรหลายวาระ พระราชทานเพลิงศพ ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิสริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส
ได้รับสมณศักดิ์ตามลำดับดังนี้
- พ.ศ.2457 – เป็นพระครูสัญญาบัตรฐานานุกรมในสมเด็จพระวันรัต (เฮง เขมจารี) ที่ พระครูสังฆวิชิต
- พ.ศ.2463 – เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรีที่ พระครูวิริยกิตติ์
- พ.ศ.2497 – เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโทในราชทินนามเดิม
- พ.ศ.2506 – เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นเอกในราชทินนามเดิม
- พ.ศ.2511 – เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นพิเศษในราชทินนามเดิม
- พ.ศ.2516 – เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ พระสังวรวิมลเถร
- พ.ศ.2521 – เป็นพระราชาคณะชั้นราชที่ พระราชสังวราภิมณฑ์ โสภณภาวนานุสิฏฐ์ มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี
คาถาแก้วสารพัดนึก หลวงปู่โต๊ะ อดีตเจ้าอาวาสวัดประดู่ฉิมพลีเขตบางกอกใหญ่ (ท่องนะโม 3 จบ)
พุทธัง ธัมมัง สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
นะโม เม สัพพะพุทธานัง อุปปันานัง มะเหสินัง
ตัณหังกะโร มะหาวีโร เมธังกะโร มะหายะโส
สะระณังกะโร โลกะหิโต ทีปังกะโร ชุตินธะโร
โกณฑัญโญ ชะนะปาโมกโข มังคะโล ปุริสาสะโภ
สุมะโน สุมะโน ธีโร เรวะโต ระติวัฑฒะโน
โสภิโต คุณะสัมปันโน อะโนมะทัสสี ชะนุตตุโม
ปะทุโม โลกะปัชโชโต นาระโท วะระ สาระถี
ปะทุมุตตะโร สัตตะสาโร สุเมโธ อัปปะฎิปุคคะโล
สุชาโต สัพพะโลกัคโค ปิยะทัสสี นะราสะโภ
อัตถะทัสสี การุณิโก ธัมมะทัสสี ตะโมนุโท
สิทธิธัตโถ อะสะโม โลเก ติสโส จะ วะทะตัง วะโร
ปุสโส จะ วะระโท พุทโธ วิปัสสี จะ อะนูปะโม
สิขี สัพพะหิโต สัตถา เวสสะภู สุขะทายะโก
กะกุสันโธ สัตถะวาโห โกนาคะมะโน ระณัญชะโห
กัสสะโป สิริสัมปันโน โคตะโม สักยะปุงคะโว
พุทโธ สัพพัญญุตะญาโณ มะหาชะนา นุกัมปะโก
ธัมโม โลกุตตะโร วะโร สังโฆ มัคคะผะลัฎโฐ จะ
อินทะสุวัณณะ ปาระมี เถโร อิจเจตัง ระตะนัตตะยัง
เอตัสสะ อานุภาเวนะ สัพพะทุกขา อุปัททะวา
อันตะรายา จะ นัสสันตุ ปุญญะลาภะ มะหาเตโช
สิทธิกิจจัง สิทธิลาโภ สัพพะ โสตถี ภะวันตุ เม ติ
(กล่าว 3,7,9 จบ )