พระธาตุเจ้าศรีจอมทอง เป็นสถานที่ตั้งของ พระบรมสารีริกธาตุ พระทักขิณโมลีธาตุ (พระเศียรเบื้องขวา) ของ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

พระธาตุเจ้าศรีจอมทอง วันนี้จะพาคนเกิดปีฉวด ไปสักการะทำบุญไหว้พระ เสริมสิริมงคลให้ตนเอง และครอบครัว

พระธาตุเจ้าศรีจอมทอง วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร วัดคู่บ้านคู่เมืองอำเภอจอมทอง ตั้งอยู่ถนนเชียงใหม่-ฮอด หมู่ 2 ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ห่างจากตัวจังหวัดเชียงใหม่ ประมาณ 58 กิโลเมตร

พระธาตุศรีจอมทอง พระธาตุประจำปีเกิดของนักษัตรชวดหรือปีหนู เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506 บริเวณที่ตั้งเป็นเนินดินสูง ประมาณ 10 เมตร เรียกกันมาตั้งแต่อดีตว่า ดอยจอมทอง

ตามประวัติสันนิษฐานว่า เป็นวัดที่สร้างขึ้นในราว พุทธศตวรรษที่ 20 แต่จากลักษณะทางศิลปกรรม ของสิ่งก่อสร้างต่างๆภายในวัด ปรากฏเป็นลักษณะของศิลปกรรม ในสมัยหลังพุทธศตวรรษที่ 24 ซึ่งเป็นห้วงระยะเวลาของ ยุคฟื้นฟูเมืองเชียงใหม่ ดูซีรี่ย์

พระธาตุเจ้าศรีจอมทอง

มาดูถึงตำนานและประวัติของ พระธาตุเจ้าศรีจอมทอง ว่ามีความเป็นมาอย่างไรบ้าง? ไปดูกันเลย

ตำนานพระทักขิณโมลีธาตุ ดอยจอมทอง มีสัณฐานเป็นภูเขาดินสูง จากระดับพื้นที่ราบอื่นยอดดอยลูกนี้ ในสมัยพุทธกาล มีเมืองๆหนึ่งชื่อว่า “เมืองอังครัฏฐะ” เจ้าผู้ครองเมืองนั้นชื่อว่า พระยาอังครัฏฐะ พระยาอังครัฏฐะ ได้ทราบข่าวจากพ่อค้า ที่มาจากอินเดียว่า

“บัดนี้พระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นแล้ว ในโลกนี้“ พระธาตุประจำปีเกิดของนักษัตรชวดหรือปีหนู เวลานี้ประทับอยู่เมืองราชคฤห์ ในประเทศอินเดีย จึงอธิษฐานขอให้พระพุทธเจ้า เสด็จมาโปรดพระพุทธองค์ทรงทราบด้วย พระญาณแล้วจึงเสด็จมาสู่เมือง อังครัฏฐะ ทรงแสดงธรรมและทรงพยากรณ์ ไว้ว่า

“เมื่อเราตถาคตนิพพานแล้ว ธาตุพระเศียรเบื้องขวาของเรา จักมาประดิษฐานอยู่ ณ ดอยจอมทอง แห่งนี้” แล้วเสด็จกลับ ส่วนพระยาอังครัฏฐะ ทรงสดับพระดำรัสที่ตรัสพยากรณ์นั้นแล้ว ได้ทรงรับสั่งให้สร้างสถูปไว้ บนยอดดอยจอมทองด้วยหวังว่า จะให้เป็นที่ประดิษฐาน พระบรมธาตุตามที่ทรงพยากรณ์ไว้

กาลล่วงมาถึงรัชสมัยแห่ง พระเจ้าอโศกมหาราช กษัตริย์อินเดีย พระองค์ได้เสด็จสู่ดอยจอมทอง ได้ขุดคูหูเปิดอุโมงค ใต้พื้นดอยจอมทองแล้ว ทรงรับสั่งให้สร้างพระสถูปไว้ภายในคหูนนี้ ทรงอัญเชิญพระบรมธาตุ ที่อยู่ในสถูปที่พระยาอังครัฏฐะ รับสั่งให้สร้างไว้บนยอดดอยนั้น

เข้าไปประดิษฐานในสถูป ที่สร้างใหม่ในคูหาใต้พื้นดอยจอมทอง แล้วรับสั่งให้เอาก้อนหิน ปิดปากถ้ำาคูหาไว้ ทรงอธิษฐานไว้ว่า “ต่อไปข้างหน้า ถ้าพระเจ้าแผ่นดิน และศรัทธาประชาชน มีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ขอให้ พระบรมธาตุเจ้าเสด็จออกมา ปรากฏแก่ฝูงชนให้ได้กราบไหว้ สักการบูชา”

สร้างและบูรณปฏิสังขรณ์วัด พ.ศ.๑๙๙๕ พ่อสร้อย แม่เม็ง สองสามีภรรยา บ้านอยู่ใกล้กับดอยจอมทอง จึงได้เริ่มสร้างเป็นวัดขึ้นบนยอด ดอยจอมทองนั้นแล้วให้ชื่อว่า วัดศรีจอมทอง วัดคู่บ้านคู่เมืองอำเภอจอมทอง การสร้างวัดยังไม่เสร็จดี

พ่อสร้อย แม่เม็ง ก็ได้ถึงแก่กรรมไป ต่อมาเมื่อพ.ศ.๒๐๐๙ มีชาย ๒คน ชื่อสิบเงินและสิบถัว ได้ช่วยกันบูรณะวัดศรีจอมทอง และก่อสร้างวิหารมุงหญ้าคาขึ้นหนึ่งหลังจนเสร็จ แล้วได้อาราธนาพระสารีปุตตเถระ มาเป็นเจ้าอาวาส

พระธาตุเจ้าศรีจอมทอง

การค้นพบพระบรมธาตุ

พ.ศ.๒๐๔๒ ในสมัยที่ พระธัมมปัญโญเถระ เป็นเจ้าอาวาส มีตาปะขาวคนหนึ่งเกิดนิมิตฝันว่า เทวดามาบอกว่าที่ใต้พื้นวิหาร บนยอดดอยที่ตั้งของวัดนี้ มีพระบรมธาตุของ พระพุทธเจ้า และพระบรมธาตุนั้นจักเสด็จออกมา ให้ฝูงชนได้กราบไหว้สักการบูชาต่อไป

ตาปะขาวจึงได้ไปเล่าความฝัน วัดคู่บ้านคู่เมืองอำเภอจอมทอง ให้เจ้าอาวาสฟังท่านจึงได้ ทำการอธิษฐานว่า “ถ้ามีจริงดังความฝันนั้น ขอให้พระบรมธาตุจงเสด็จออกมา ในเมื่อข้าพเจ้ายังมีชีวิตอยู่นี้เถิด” เมื่ออธิษฐานแล้วในวันรุ่งขึ้น ได้พบพระบรมธาตุอยู่ใน ช่องใจกลางพระเกศโมลี ของพระพุทธรูป

ซึ่งตั้งอยู่ภายในวิหารนั้น จึงได้เก็บรักษากันไว้โดยเงียบๆ สืบมาพ.ศ.๒๐๕๘ สมัยที่พระมหาสีลปัญโญ เป็นเจ้าอาวาส ได้มีพระมหาพุทธญาโณเถระ ได้นำตำนานพระทักขิณโมลีธาตุ มาจากเมืองพุกามจึงได้สั่งให้ พระอานันทะ ผู้เป็นศิษย์ไปสืบดูพระบรมธาตุ ที่วัดศรีจอมทอง

จึงได้ทำการสักการบูชา อธิษฐานอยู่ฝ่าย พระมหาสีลปัญโญ เมื่อได้เห็นอาการดังนั้น จึงได้นำเอาพระบรมธาตุที่ได้ เก็บรักษากันต่อๆกันออกมาแสดง ให้พระอานันทะทราบ พระอานันทะ จึงได้นำความไปแจ้งแก่ พระมหาพุทธญาโณ ผู้เป็นอาจารย์

ฝ่ายพระมหาพุทธญาโณ เมื่อได้ทราบดังนั้น จึงได้นำความไปทูล พระเจ้าดิลกปนัดดาธิราช (พระเมืองแก้ว) เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ ให้ทรงทราบ พ.ศ.๒๐๖๐ พระเมืองแก้ว จึงอาราธนาให้พระมหาพุทธญาโณ เป็นหัวหน้าไปสร้างวิหารจตุรมุข

และก่อปราสาทไว้ภายในวิหารนั้น แล้วอัญเชิญพระบรมธาตุ พระธาตุประจำปีเกิดของนักษัตรชวดหรือปีหนู เข้าประดิษฐานไว้ภายในปราสาทนั้น พระบรมธาตุ จึงได้รับการเก็บรักษา ไว้โดยวิธีนี้ต่อๆมาจนกระทั่งถึง กาลปัจจุบันนี้

ความสำคัญของพระธาตุเจ้าศรีจอมทอง

พระธาตุศรีจอมทอง พระธาตุประจำปีเกิดของนักษัตรชวดหรือปีหนู เป็นวัดพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร พระธาตุเจ้าศรีจอมทอง เป็นสถานที่ประดิษฐานของ พระทักษิณโมลีธาตุ พระธาตุส่วนที่เป็น พระเศียรเบื้องขวาของ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

มีขนาดโตประมาณ เมล็ดพุทรา สัณฐานกลมเกลี้ยง สีขาวนวลเหมือน ดอกบวบ หรือสีคล้ายดอกพิกุลแห้ง ตามประวัติเล่าว่า พระเจ้าอโศกมหาราช เป็นผู้อัญเชิญมา ประดิษฐานไว้ที่ ดอยจอมทอง ตั้งแต่ปี พ.ศ.218 ปัจจุบัน พระธาตุ ถูกบรรจุไว้ในพระโกศ 5 ชั้น

ซึ่งตั้งอยู่ภายใน พระวิหารจตุรมุข ก่ออิฐถือปูนทั้งองค์ มีฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส คล้ายพระเจดีย์ กว้าง 4เมตร สูง 8เมตร ตามประวัติว่าสร้างขึ้นโดย พระเจ้าดิลกปนัดดาธิราช หรือพระเมืองแก้ว กษัตริย์ราชวงศ์มังราย เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่ เมื่อปีพ.ศ.2060

  • พ.ศ.1994 สร้างบนดอยจอมทอง ชื่อว่า วัดพระธาตุเจ้าศรีจอมทอง วัดคู่บ้านคู่เมืองอำเภอจอมทอง ทางทิศตะวันตกมีทิวเขาอินทนนท์ และลำน้ำแม่กลาง
  • พ.ศ.2470 ได้รับพระราชทาน วิสุงคามสีมา
  • พ.ศ.2506 ได้รับพระราชทานยกฐานะ วัดขึ้นเป็นวัดพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิด วรวิหาร
  • พ.ศ.2524 เป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง ของกรมการศาสนา
  • พ.ศ.2538 เป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง ของ กรมการศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ

พระธาตุเจ้าศรีจอมทองประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถาน

วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร วัดคู่บ้านคู่เมืองอำเภอจอมทอง ได้รับการประกาศเป็น โบราณสถานสำหรับชาติ ตามประกาศใน ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 52 ตอนที่ 0ง วันที่ 8 มีนาคม 2478 พร้อมกับวัดอีกหลายแห่งใน จังหวัดเชียงใหม่

สำนักวิปัสสนากรรมฐาน พระธาตุเจ้าศรีจอมทอง เป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำ จังหวัดเชียงใหม่ แห่งที่ ๑ มีพระธรรมมังคลาจารย์ (ทอง สิริมงฺคโล) (ในขณะนั้น) หัวน้าพระวิปัสสนาจารย์หนเหนือ กองการวิปัสสนาธุระ เป็นเจ้าสำนักวิปัสสนากรรมฐาน

ให้การสอน การเจริญวิปัสสนากรรมฐาน พระธาตุประจำปีเกิดของนักษัตรชวดหรือปีหนู สำหรับภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ตลอดจนผู้ที่สนใจ ทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ และมีการจัดให้สอบอารมณ์ ทุกวัน (ยกเว้นวันพระ) พระธาตุศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองแพร่

cradit : www.google.com