ปีศาจโบราณ เท็งงุ วันนี้จะพามารู้จักกับ ปีศาจที่มีจมูกยาว ใบหน้าสีแดง ร่างกายสูงใหญ่ ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ของประเทศญี่ปุ่น
ปีศาจโบราณ เท็งงุ เป็นสิ่งมีชีวิตในตำนานของญี่ปุ่น โดยเชื่อว่า เท็งงุ มีภาพลักษณ์ของปีศาจร้าย และมักจะสร้างพายุเข้าโจมตี ผู้คนเสมอๆซึ่งประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศ ที่ถูกพายุถล่มบ่อยครั้ง เท็งงุ เป็นข้ารับใช้ของ ไดเทนกุ
ซึ่งมักปรากฏภาพของ ไดเทนกุ ที่ล้อมรอบไปด้วย เท็งงุ บางความเชื่อนั้นเชื่อว่า เท็งงุ ไม่ได้เป็นผีร้าย ทั้งยังเป็นปีศาจที่รักสงบและสุภาพ แต่การกระทำร้ายๆนั้นเป็น เพราะ เท็งงุ ต้องทำตามคำสั่งของ ไดเทนกุ
ตำนานหรือเรื่องเล่าขานของ เท็งงุ นั้นได้รับการบอกเล่าสืบทอดกันมา ตั้งแต่สมัยญี่ปุ่นโบราณ กล่าวกันว่า เท็งงุ จะอาศัยอยู่ในส่วนลึกของภูเขา เป็นปีศาจที่มีจมูกยาว ใบหน้าสีแดง ร่างกายสูงใหญ่ และมีพัดใบไม้เป็นของคู่กาย
นอกจากนี้ยังสามารถบินบนท้องฟ้า และสามารถควบคุมสภาพอากาศได้ด้วย บางพื้นที่ก็นับถือ เท็งงุ ในฐานะที่เป็นเทพองค์หนึ่ง แต่บางพื้นที่ก็เชื่อว่า เท็งงุ เป็นปีศาจที่สร้างความหวาดกลัว ให้กับมนุษย์ขึ้นอยู่กับเรื่องเล่า ที่สืบทอดต่อกันมาของผู้คน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นๆ ดูซีรี่ย์
มาดูถึงตำนานของ ปีศาจโบราณ เท็งงุ ว่ามีเรื่องราวเป็นอย่างไร มาดูพร้อมๆกัน
ตำนานที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับ เท็งงุ คือ เรื่องราวของ มินะโมะโตะ โนะ โยะชิสึเนะ (Minamoto no Yoshitsune) ซึ่งเดิมชื่อว่า อุชิวากะมารุ เป็นลูกชายของ โยริโทโมะ ซึ่งเป็นเจ้าเมืองที่ถูกลอบสังหาร แต่อุชิวากะมารุได้รับการไว้ชีวิต อุชิวากะมารุจึงออกบวช
และเร้นกายอยู่ในวัดแถบหุบเขาคุรามะ มีอยู่วันหนึ่ง อุชิวากะมารุ ได้ไปพบกับเท็งงุเข้า เท็งงุ รู้สึกถูกชะตากับอุชิวากะมารุ จึงสอนเพลงดาบให้ จนอุชิวากะมารุเป็นนักดาบที่เก่งกาจ และสามารถรวบรวมกองกำลัง ชิงอำนาจกลับคืนมาได้เป็นผลสำเร็จ
และได้เป็น มินาโมโตะ โน โยชิซึเนะ ในภาพยนตร์เรื่อง จูมง นกสามขาเป็นสัญลักษณ์ของจูมง และเนื่องจากว่านกสามขากับ เท็งงุ มีลักษณะที่คล้ายกัน ซึ่งภาพลักษณ์ของ เท็งงุไม่ค่อยดีนัก ทำให้ธิดาเทพยองมีอึน ที่มองเห็นการมาของนกสามขา ทำนายผิดพลาดไป
คิดว่าจูมงจะเป็นกาลกีณีกับแคว้นพูยอ ต้องหาทางกำจัดเสีย ซึ่งธิดาเทพลืมไปว่า เท็งงุ ยังมีนิสัยชอบช่วยเหลือผู้กล้า ที่ลุกขึ้นต่อสู้กับผู้นำทรราชย์ ภายหลังธิดาเทพยองมีอึน จึงนับถือเท็งงุเป็นเทพคุ้มครอง นกสามขาที่มีลักษณะคล้ายกับ เท็งงุ ก็คืออีกาสามขา
ยะตะกะระสุ ซึ่งเป็นนกประจำตัวของเทพีสุริยาอะมะเตะระสุ และเป็นสัญลักษณ์ของ สมาคมฟุตบอลญี่ปุ่น ในปัจจุบันมีเรื่องเล่าหนึ่งเล่าว่า มีหญิงสาวคนหนึ่งที่สายตาย่ำแย่มาก เล็งอะไรไม่เคยแม่นยำเลย แต่ถูกเท็งงุเข้าสิง และในฝันเท็งงุได้สอนวิชาดาบ ให้กับเด็กผู้หญิงคนนั้น
จนเธอกลายเป็นนักดาบที่ร้ายกาจ และมีชื่อเสียง บางข่าวลือก็เล่าว่า เหล่าชิโนบิหรือนินจา คือเหล่าผู้ที่ได้รับการฝึกฝนวิชาจากเท็งงุ เท็งงุ ชื่นชมผู้กล้าที่กล้าต่อกรกับผู้นำทรราชย์ เท็งงุจะช่วยเหลือเหล่าผู้กล้า ให้สามารถสู้เพื่อความยุติธรรมได้
จึงมีคนเชื่อว่าการที่ชื่อเสียง ของเท็งงุเสียหาย เป็นเพราะเหล่าผู้นำทรราชย์ ที่สูญเสียอำนาจใส่ความเท็งงุ ดังนั้นแม้ว่าในยุคปัจจุบันมนุษย์ จึงมีความยำเกรงเท็งงุ บางครั้งถึงกับเรียกว่าเป็น เทพพยาบาท เมื่อใดที่มนุษย์ล่มหลงในอำนาจ หรือผิดคำสาบาน
เท็งงุ จะออกมาจากเขาแล้วทำลาย ผู้นั้นให้สิ้นตามความเชื่อแล้ว เท็งงุ มีแต่เพศผู้ จะอาศัยอยู่ในป่าลึก เป็นผีที่คาดเดาไม่ได้ ตามเรื่องเล่ามักจะพฤติกรรมที่คาดเดาได้ยาก บางครั้งมันจะลักพาตัวเด็กๆ ไปทิ้งไว้ในป่าแล้วเฝ้ามองเด็ก ที่หลงทางอยู่ในป่า
แต่บางเรื่องเล่าผู้คนก็บอกว่า เมื่อใดที่หลงป่า ให้ขอร้องให้เท็งงุช่วยแล้ว มันจะนำทางออกจากป่าให้ได้ เท็งงุยังชอบปล่อยข่าวลือ สร้างความวุ่นวายให้มนุษย์ แต่บางคน กลับเชื่อว่าเท็งงุชอบสงคราม อีกทั้งมันยังเชื่อว่ามนุษย์ ไม่ควรมีอำนาจมากเกินไป
เหตุการณ์การประท้วง หรือสงครามในสมัยก่อน จึงมักโทษว่าเป็นฝีมือของเท็งงุ ที่ปล่อยข่าวลือ เท็งงุสามารถเรียกพายุได้ เชี่ยวชาญมนต์มายา และวิชาแปลงกาย มีพละกำลังมากทั้งยังเจนจัดการรบ เป็นสมุนที่พึ่งพาได้ของ ไดเทนกุ
ซึ่งเป็นเทนกุที่มีลำดับชั้นสูงกว่า ลักษณะของ เท็งงุ คล้ายกับมนุษย์นก ซึ่งมักไปไหนมาไหนด้วยการบิน แต่ว่า ไดเทนกุ จะใช้วิธีเคลื่อนย้ายในพริบตา มากกว่าการบิน ถ้าเป็นระยะทางสั้นๆ วันสารทจีน
ต้นกำเนิดของปีศาจโบราณ เท็งงุ ในประเทศจีน
กล่าวกันว่าคำว่า “เท็งงุ (天狗)” มีต้นกำเนิดมาจากประเทศจีน โดยในสมัยโบราณชาวจีน มีความเชื่อว่าดาวตกคือสุนัขแห่งสวรรค์ ที่วิ่งถลาลงมาสู่พื้นโลก ซึ่งคำว่า สวรรค์หรือท้องฟ้า จะเขียนด้วยตัวอักษรจีนว่า “天” (เทียน) และคำว่าสุนัข จะเขียนด้วยตัวอักษรจีนว่า “狗” (โก่ว)
เมื่อนำตัวอักษรทั้งสองคำ มาเขียนต่อกัน “天狗” (เทียนโก่ว) จึงแปลว่า “สุนัขแห่งสวรรค์” และต่อมาได้ออกเสียงเพี้ยน จนกลายเป็นคำว่า “เท็งกุ” หรือ “เท็งงุ” ในภาษาญี่ปุ่นนั่นเอง แต่อย่างไรก็ดี ชาวจีนในขณะนั้นกลับมีความเชื่อว่ าสุนัขแห่งสวรรค์ หรือเท็งงุ คือดาวตกที่ถือเป็นลางร้าย
นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่า จันทรุปราคาก็เกิดจากฝีมือของเท็งงุ เช่นกันเนื่องจากในสมัยก่อนนั้น การเกิดจันทรุปราคา ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ ที่ไม่สามารถหาเหตุผลมาอธิบายได้ จึงทำให้ชาวจีนสมัยนั้น เชื่อกันว่าเท็งงุกำลังกลืนกินพระจันทร์ เข้าไป
ซึ่งถือเป็นลางร้ายด้วยเช่นกัน และเมื่อเชื่อกันว่าทั้งดาวตก ทั้งการเกิดจันทรุปราคาล้วนแต่ เป็นลางร้ายทั้งสิ้น ดังนั้นคำว่า เท็งงุ จึงถือเป็นคำอัปมงคลสำหรับชาวจีน สมัยโบราณ
ต้นกำเนิดของ “เท็งงุ” ในประเทศญี่ปุ่น
สำหรับประเทศญี่ปุ่น ชื่อของ เท็งงุ ได้ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรก ในพงศาวดารนิฮงโชะกิ ที่เขียนขึ้นราว ค.ศ. 720 โดยได้บันทึกไว้ว่า ในขณะที่ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังส่งเสียงเอะอะว่า “ดูนั่นสิ ดาวตก !” ซึ่งในขณะนั้นได้มีพระสงฆ์รูปหนึ่ง ที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศจีน ได้เดินผ่านมาพอดี
และได้บอกกับชาวบ้านกลุ่มนั้นว่า “ไม่ได้เรียกว่าดาวตกหรอก แต่เรียกว่า เท็งงุ ต่างหากล่ะ” หลังจากนั้นจึงเกิดความเชื่อว่า เท็งงุ ก็คือดาวตกนั่นเอง แต่ทว่าในยุคสมัยเฮอัน (ราวปี ค.ศ. 794~ค.ศ. 1185) ได้มีหนังสือเรื่องเล่าขานที่ชื่อว่า อุสึโฮะ โมโนกาตาริ
ซึ่งเขียนขึ้นในช่วงกลางยุคสมัยเฮอัน มีจำนวนตอนทั้งหมด 20 ตอน แต่กลับไม่มีตอนไหนเลย ที่กล่าวถึงเรื่องราวของเท็งงุ ไว้อย่างชัดเจนเป็นรูปธรรม ทำให้ความเชื่อที่ว่า เท็งงุ คือดาวตกตามที่ได้บันทึกไว้ใน พงศาวดารนิฮงโชะกิ เริ่มเสื่อมถอยลง
หลังจากนั้นเรื่องเล่าขานของ เท็งงุ ก็ได้มีความหลากหลาย และแตกต่างกันไปตามแต่ละพื้นที่ ของประเทศญี่ปุ่น บางพื้นที่ก็กล่าวว่า เท็งงุ คือเทพที่ควรกราบไหว้บูชา บางพื้นที่ก็กล่าวว่าเป็นปีศาจ ที่สร้างความหวาดกลัวให้กับมนุษย์
ปีศาจโบราณ เท็งงุอาจเป็นเพียงแค่ ชาวต่างชาติ
นอกจากตำนาน เท็งงุ ที่ได้กล่าวไว้ในข้างต้นแล้ว บางความเชื่อก็กล่าวกันว่า แท้จริงแล้วเท็งงุอาจเป็นเพียง แค่ชาวต่างชาติที่เพิ่งมาเหยียบแผ่นดินญี่ปุ่น เป็นครั้งแรก จากนั้นก็ได้ลงหลักปักฐาน ใช้ชีวิตอยู่ในป่าลึกของภูเขา
แต่เนื่องจากรูปร่างหน้าตา ของชาวต่างชาตินั้นแตกต่าง จากชาวญี่ปุ่นอย่าสิ้นเชิง จึงทำให้ชาวญี่ปุ่นในสมัยนั้น เข้าใจผิดคิดว่าชาวต่างชาติ ที่ตนพบเห็นนั้นคือปีศาจ ที่อาศัยอยู่ในป่านั่นเอง